พลาสติกที่ได้มาตรฐานในอุตสาหกรรมอาหาร

พลาสติกเกรดอุตสาหกรรมถูกใช้งานในกระบวนการแปรรูปอาหารและบรรจุภัณฑ์อาหารมานานหลายทศวรรษ ด้วยข้อดีของพลาสติกที่มีน้ำหนักเบาและสามารถนำไปใช้งานได้อย่างหลากหลาย ทำให้มีการพัฒนาพลาสติกอย่างต่อเนื่องเพื่อให้พลาสติกสามารถใช้งานได้อย่างมีคุณภาพมาอย่างขึ้น เช่น การพัฒนาให้พลาสติกที่ใช้ในอุตสาหกรรมอาหารสามารถใช้งานในอุณหภูมิที่สูงขึ้นได้ การพัฒนาคุณสมบัติเชิงกลที่ดียิ่งขึ้นและการพัฒนาความสามารถให้ทนทานต่อสารเคมีต่างๆให้ดียิ่งขึ้น เป็นต้น

การผลิตพลาสติกเกรดอุตสาหกรรมที่เหมาะสำหรับอาหารต้องทำตามข้อกำหนดของ FDA (สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา) ของสหรัฐอเมริกาและข้อบังคับเกี่ยวกับการสัมผัสกับอาหารของยุโรป (EU) สำหรับตลาดในประเทศจีนก็ต้องผลิตให้ถูกต้องตามมาตรฐานของประเทศจีนหรือ GB Standard ด้วยเช่นกัน

นอกจากพลาสติกเกรดมาตรฐานแล้ว ก็ยังมีพลาสติกเกรดทางเลือกพิเศษที่เหมาะสำหรับการสัมผัสอาหารโดยเฉพาะ (Food grade) ที่ผลิตขึ้นมาเฉพาะเพื่อให้ตอบสนองต่อความต้องการของเทคโนโลยีกระบวนการผลิตอาหารและเพื่อความปลอดภัยต่อผู้บริโภค

ด้วยน้ำหนักที่เบาและคุณสมบัติที่ง่ายต่อการกลึง จึงมีการนำพลาสติกเกรดสำหรับอาหารมาใช้แทนโลหะในกระบวนการผลิตอาหารและกระบวนการแปรรูปอาหาร เช่นใช้ในเครื่องจักรสำหรับแปรรูปเนื้อสัตว์ ปลาและสัตว์ปีก หรือใช้ในโรงงานผู้ผลิตผลิตภัณฑ์อาหารหลากหลายประเภท เช่น ผลิตภัณฑ์จากนม ผลิตภัณฑ์เบเกอรี่และขนม ซึ่งพลาสติกเกรดสำหรับอาหารนอกจากจะปลอดภัยกว่าโลหะแล้วยังช่วยเพิ่มความเร็วในกระบวนการผลิตด้วย

นอกจากพลาสติกเกรดสำหรับอาหารทั่วไปแล้ว ยังมีพลาสติกเกรดพิเศษที่สามารถตรวจสอบการปนเปื้อนได้อีกด้วย เช่น พลาสติกสีน้ำเงินที่เอื้อต่อการตรวจจับวัตถุสีน้ำเงินด้วยกล้องพิเศษ พลาสติกสีน้ำเงินที่สามารถตรวจจับได้ด้วยเครื่องตรวจจับโลหะ และพลาสตืกที่ตรวจจับได้ด้วยเครื่องแสกนหาโลหะ (X-ray Inspection) พลาสติกทั้งหมดนี้สามารถสัมผัสอาหารได้โดยตรง และสาเหตุสำคัญที่ใช้สีน้ำเงินในการผลิตพลาสติกกลุ่มนี้ก็ให้ง่ายต่อการตรวจจับและช่วยเพิ่มความปลอดภัยระหว่างกระบวนการผลิตและแปรรูปอาหาร อีกทั้งยังช่วยลดต้นทุนในการผลิตอีกด้วย

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : www.ensingerplastics.com